พยากรณ์ทิศทาง ของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในปี 2559

อุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้ามาก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรรมอื่นๆในยุคนี้  การก่อสร้าง ยังคงเป็นงานที่ต้องใช้ทุน ใช้แรงงาน เยอะ และการก่อสร้างในวันนี้ กับการก่อสร้างในเมื่อสามสิบปีก่อนนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงในวงการนี้ อยู่บ้าง  และนี่คือรายการของการพัฒนาการของวงการที่ผมพอจะนึกออกมาได้



1.  การขาดแคลน แรงงานทั้งที่เป็นแรงานมีฝีมือ และแรงานที่ไร้ฝีมือ  ยังคงเป็นความเสี่ยงที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่อไป  เป็นเวลานานแล้วที่ ประเทศไทยพึงพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ที่เคยเป็นเรื่องที่เป็นประเด็นถกเถียงกันเมื่อหลายปีก่อน ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นประเด็นอีกต่อไป เพราะแรงงานขาดแคลน และต้องการค่าตอบแทนที่สูงกว่านั้น  ถ้ายิ่งเป็นช่างฝีมือ ยิ่งขาดแคลนและค่าตอบแทน ก็ต้องสูงกว่านั้น

แรงานมีฝีมือ ประเภทวิศวกร ที่มีฝีมือก็ขาดแคลนเช่นกัน วิศวกรเป็นวิชาชีพที่ใช้ความสามารถ ใช้การอุทิศเวลา ในการทำงาน และมีความรับผิดชอบต่องานสูง  และเมื่อดูค่าตอบแทนที่ให้กับบุคคลากรเหล่านี้แล้ว จะพบว่า  เป็นเรื่องยากที่จะอยากให้ใครมาทำงานวิศวกรรม เพราะค่าตอบแทนที่ไม่สอดคล้องกับความเสี่ยง และความรับผิดชอบของงานที่มี  ดังนั้น เมื่อมีทางเลือกบุคคลากรมีฝีมือเหล่านี้ จึงย้ายออกไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่นกันหมด ทำให้ วิศวกรที่มีฝีมือ หาได้ยากมาก และถึงหาได้ ก็ต้องการราคาค่าตอบแทนที่สูงเช่นกัน

Google Glass

2.การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการก่อสร้าง จะมากขึ้นเรื่อยๆ  จากเดิมที่เป็นอยู่แค่ในแบบ  การมาของ Google glass หรือเทคโนโลยีสวมใส่อื่นๆ จะสามารถทำให้แบบที่มีข้อมูลมากกว่าแค่แบบในยุคเก่า  เป็นไปได้  ทำให้คนทำงานสามารถมองเห็น และเข้าใจ "แบบ" ได้ดีขึ้น โดยผ่านการมองเห็นข้อมูลผ่านอุปกรณ์สวมใส่   อุปกรณ์ถ่ายภาพทางอากาศ อุปกรณ์ เลเซอร์สำหรับเก็บแบบ as build จะมีราคาถูกลง และแพร่หลาย

การใช้ Application ในมือถือ ในงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะใช้ในการตรวจ การบันทึก การ เรียกร้อง การทำบัญชี ควบคุมต้นทุน จะใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติ

3. การควบรวม การซื้อกิจการ ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นมากขึ้น จากปี 2557-2558  บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายเก่าทีสูญเสียความสามารถในการแข่งขันจะหายไป และเกิดรายใหม่ที่มีวิธีกรทำธุรกิจแบบใหม่่่่ๆ เข้ามาแทน

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนไทยที่ไม่เคยอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะเข้ามาเป็นผู้เล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบุญรอด หรือสิงห์ ที่อยู่ในธุรกิจน้ำดื่ม กลุ่มในเครือสหพัฒน์ ผู้นำกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเครือเซ็นทรัลที่เคยทำแต่ค้าปลีก   กลุ่มซี.พี. หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มของเจ้าสัวเจริญสิริวัฒนภักดี  เป็นต้น

บ้านสำเร็จรูป (ขอบคุณภาพจาก www.homedec.in.th)

4. กระแสของบ้านสร้างสำเร็จ จะเป็นที่ยอมรับของตลาดมากขึ้น ทั้งในตลาดบน และในตลาดบ้านราคาถูก

5. ความปลอดภัยในงานก่อสร้าง ความปลอดภัยของตัวคนงานเอง และความปลอดภัยของคนข้างเคียงสถานที่ก่อสร้าง จะต้องเข้ามาอยู่ในกระแส  การลงโทษที่หนักขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้กระทำความผิดต่อมาตรฐานความปลอดภัยในงานก่อสร้าง  บุคคลากรชำนาญทางด้านความปลอดภัยในงานก่อสร้างจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

ตัวอย่างการทำสวนบนหลังคา (ขอบคุณภาพจาก asiagreenbuildings)

6. กระแสเรื่องสิ่งแวดล้อม ยังคงอยู่ต่อไป  ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ มาใช้ตกแต่ง  อาคารเขียว อาคารประหยัดพลังงาน  การทำสวนบนหลังคา ยังเป็นทิศทางต่อไปในปีนี้

7. การต่อต้านการคอรัปชั่นในวงการก่อสร้าง ในอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย นั้นเป็นอุตสาหกรรรมที่เมื่อคนนึกถึง จะนึกถึง ความเป็นอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่น  ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่คนรับว่าเป็นเรื่องปกติไม่ได้อีกต่อไป สังคมจะเรียกร้องหาความโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ

บ้านจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (ขอบคุณภาพจาก pocket-lint.com)

8. เทคโนโลยีในการสร้าง แบบใหม่ๆ เช่นการใช้ เครื่องพิมพ์สามมิติในการสร้างบ้าน  การใช้วัสดุใหม่ๆ ในการสร้างโครงสร้างหลักของสิ่งก่อสร้าง ที่นอกจากจะใช้เหล็ก อิฐหินปูนทราย  จะเป็นทิศทางที่พัฒนาไป  เช่นการใช้ไม้อัดในการสร้างอาคาร หรือการใช้วัสดุอย่างอนุพันธ์ของพลาสติก ในการก่อสร้าง

หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ วงการอุตสาหรรมก่อสร้างคึกคัก  และเต็มไปด้วยสีสัน กว่าปีที่แล้วครับ

พงศ์ธร ธาราไชย