หน้าเว็บ

ที่ประทับรัชกาลที่ 9 ตอนที่ 2


 


“บ้านของพ่อ” กว้างขวางถึง 395 ไร่ แต่ไม่เหมือนสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ประเทศใดในโลก

ใช่แล้วค่ะ วันนี้จะชวนคุยถึงพระตำหนักสวนจิตรลดารโหฐาน สถานที่ประทับถาวรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จนิวัติพระนครถาวรเมื่อปลายปี 2494

ก่อนหน้านี้ มีความตั้งใจแรงกล้าที่จะต้องไปต่อคิวเพื่อถวายสักการะพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง วางแผนเริ่มต้นเข้าคิวตั้งแต่ตี 3 เนื่องจากเข้าใจว่าถ้าไปตอนดึกดื่นเช้ามืดจะสามารถใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง ปรากฏว่า ใช้เวลาจริงๆ มากกว่า 9 ชั่วโมง เนื่องจากพสกนิกรใจตรงกันมีจำนวนมาก คิวก็เลยยาวกว่าปกติทั้งๆ ที่เป็นวันธรรมดา

ยิ่งได้มาอ่านมาค้นคว้าเกี่ยวกับราชสกุลมหิดล ยิ่งซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ทรงมีพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2470 ณ โรงพยาบาลเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ตอนหลังโรงพยาบาลเปลี่ยนชื่อเป็นเมาท์ออเบิร์น)

มารู้จัก กับถนนไทยให้มากขึ้น


เมื่อไม่นานมานี้ ผมขับรถตอนเช้าที่ถนนใกล้ๆ กับที่ผมพักอยู่ครับตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตีห้า ความมืดก็ยังปกคลุมกรุงเทพมหานครในยามเช้า  เวลานั้นรถยนต์ไม่ค่อยมีมาก เนื่องจากเป็นตอนเช้าวันอาทิตย์ และผมก็ขับรถไปอย่างช้าๆ ที่เลนตรงกลาง ของถนน ซึ่งถนนนั้นมีสามเลน สามเลนกว้างๆ และเป็นถนนคอนกรีตเลยครับ   ขณะที่ผมกำลังขับๆ อยู่นั้น สักพัก ผมก็สังเกตุเห็นว่าที่พื้นถนนข้างหน้า ในระยะทางที่ใกล้มาก มีหลุมอยู่ครับ ใช่ครับ "ผิวถนนคอนกรีต เลนกลาง มีหลุมอยู่ครับ"  

ปรากฎว่าหลบไม่ทันสิครับ และผมก็ตกหลุมไปเต็มๆ ครับ ผลก็คือ ยางรถยนต์บวม ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ในข้างที่ตกหลุมไปครับ และ ล้อคดนิดหน่อยด้วย  เลยต้องเสียเงินค่าเปลี่ยนยางและซ่อมล้อแม็ก ครับ  นี่ยังดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรครับ  ผมคิดว่า เรื่องราวแบบนี้ ไม่ได้เกิดกับผมคนเดียว คงเกิดกับ ผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปในประเทศไทยเลยละ

ทำไมถนนในประเทศไทยถึงต้องเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำไมสร้างมาไม่นานถนนก็พัง คำถามนี้คงอยู่ในใจของผู้ใช้ถนนไทย นานมาหลายสิบปี แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นครับ

เมื่อเราพูดถึงถนนแล้ว ถนนเป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมอย่างหนี่งครับ โดยทั่วไปโครงสร้างทางวิศวกรรมนั้น เราออกแบบให้มันรับน้ำหนักได้ โดยที่โครงสร้างไม่พังลงมา หรือพังอย่างปลอดภัย  แต่ถ้าเป็นกรณีขอ องค์ประกอบของถนนมีอยู่สองส่วนหลัก คือ ส่วนที่เป็น ส่วนโครงสร้างถนน กับส่วนของผิวถนน

ส่วนของโครงสร้างถนน โดยทั่วไปก็หมายถึง ดินคุณภาพดี ที่มาช่วยรับน้ำหนักที่ถ่ายจากผิวถนน ลงไปยังพื้นดินเดิม โดยที่พื้นดินเดิมไม่พัง

ส่วนของผิวถนน ก็คือส่วนที่ล้อรถยนต์ของเราสัมผัสกับถนนนั่นเองครับ  เป็นส่วนที่เราเห็นกันเป็นประจำ  ผิวถนนมีหน้าที่ช่วยถ่ายน้ำหนักจากล้อรถยนต์ ลงไปบนชั้นดินที่อยู่ใต้มันลงไป  และนอกจากนั้นยังมีหน้าที่ให้ความปลอดภัยกับผู้ใช้ทาง เพราะผิวถนน ต้องมีความฝืด ไม่ลื่นอีกด้วยครับ  เพราะเมื่อรถมีความเร็ว รถต้องสามารถวิ่งทรงตัวอยู่บนถนนได้อย่างปลอดภัย

ส่วนของผิวถนนในประเทศเรานั้นที่เห็นกันก็มีอยู่ สามแบบใหญ่ๆ ก็คือ
หนึ่ง ผิวถนนที่ไม่ได้ มีการทำผิวถนน เลย  บ้านเราเรียก ถนนประเภทนี้ว่า ถนนลูกรัง
สอง  ผิวถนนที่ทำการปูผิวถนนด้วยยางมะตอย หรือ Asphalt ครับ
สาม ผิวถนนที่ทำการปูผิวถนนด้วย คอนกรีต

ทั้งสามประเภทนี้ ผิวถนนประเภท คอนกรีตนั้น เป็นผิวถนนที่มีความคงถนนแข็งแรงมากที่สุด  และทราบไหมครับว่า ในการทำถนนเส้นหนึ่งนั้น ถ้าราคาของการสร้างถนน เป็นสิบบาท ราคาของผิวทางนั้น เป็นประมาณ เก้าบาท ทีเดียวครับ และในการออกแบบถนนครั้งหนึ่ง วิศวกรออกแบบจะออกแบบให้ถนนมีอายุการใช้นาน ได้ยาวนานหลายสิบปี จนกว่าจะต้องมาทำกันใหม่ครับ  เช่น ถ้าเป็นถนนที่มีการปูผิวด้วยยางมะตอยนั้น ก็จะออกแบบให้ใช้งานได้ประมาณ 25-30 ปี ส่วน ถนนที่เป็นผิวคอนกรีต ก็ใช้งานได้ยาว 30-40 ปีทีเดียวครับ

มาพูดถึงว่า ที่เราว่าถนนพังนั้น แบบไหน ทางวิศวกรรมเรียกว่า "พัง"  การพังของถนนนั้น ทางวิศวกรรมแล้ว มีการพังอยู่สองแบบครับ ก็คือ

 


เสริมส่งดาวดีตามปีนักษัตริย์


ตามธรรมนียมฏิบัติของคนเชื้อสายจีน ที่ได้รับการถ่ายทอดจากอดีตสืนต่อจนปัจจุบัน ตามประพฤติปฏิบัติกันในช่วงต้นปีใหม่ เป็นความเชื่อที่ว่า หากได้เริ่มกระทำการใดๆ ที่เป็นมงคลแก่ชีวิตจะส่งผลดีต่อดวงชะตาของตนตลอดทั้งปี เช่นการกราบไหว้ต่อสิ่งศักสิทธิ์ โดยคาดหวังว่าจะช่วยขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นให้ทุเลาเบาบางลง ส่งเสริมดาวดี บั่นทอนกระแสดาวร้าย สำหรับปีระกานี้แต่ละปีนักษัตริย์จะเป็นอย่างไรกันบ้างมาดูกันค่ะ



การจัดบ้านเสริมดวงตามคัมภีร์ ดาวม่วงขาว


ปีระกาปีนี้ ตามหลักคัมภีร์ดาวม่วงขาว หนึ่งในศาสตร์วิชาฮวงจุ้ยจีนโบราณ ทิศเหนือจะเป็นทิศมงคล ทิศตะวันออกเป็นทิศอัปมงคล โดยนับเริ่มต้นที่จุดกึ่งกลางของบ้าน กระจายกระแสพลังของดวงดาวประจำตำแหน่งทั้ง 8 ทิศเราจะมาดูกันว่าจะบั่นทอนดาวร้าย เสริมส่งดาวดี ให้กับบ้านเราได้อย่างไรในปีนี้

 


เริ่มแรกให้เราตีตารางเป็นเก้าช่องโดยยึดกลางบ้านเป็นจุดศูนย์กลางเพื่อดูว่าหน้าบ้านหรือประตูบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นประตูบ้าน ประตูห้องทำงาน ประตูห้องนอน หน้าต่าง โต๊ะทำงาน หรือหัวเตียงหันหน้าไปทางทิศไหน และอยู่ในทิศที่เป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการนำวัตถุมงคลมาวางในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้