บทความโดย ดร.พงศ์ธร ธาราไชย
วันนี้ จะมาพูดถึงเรื่องการครอบครองปรปักษ์ จากกรณีที่เป็นข่าวครับ
แนวคิดของการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็นกฎหมายที่มาจากแนวคิดสากลเรื่อง Adverse Possession ที่ของไทยแปลว่า การครอบครองปรปักษ์ โดยหลักการครอบครองปรปักษ์ แบบสากล
โดยอาศัยหลักคิดว่า ทรัพย์สินควรถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ปล่อยว่างไว้เฉยๆ เผื่อเจ้าของเก่าตายไปแล้ว หรือไม่เอาแล้ว ทรัพย์สินนั้นก็ยังใช้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้
โดยต้องมีองค์ประกอบดังนี้คือ
หนึ่ง ครอบครองจริงๆ ( Actual Possession )
สอง ครอบครองโดยละเมิดสิทธิ ของเจ้าของจริงๆ ( Hostile Possession )
สาม เปิดเผยและฉาวโฉ่ แบบว่า เจ้าของจริง ก็น่าจะรู้ได้ แต่ไม่มาเอาคืนสักที ไม่ได้แอบครอบครอง ( Open and Notorious )
สี่ ครอบครองอยู่คนเดียว ไม่ได้แบ่งๆ กันครอบครอง ( Exclusive )
ห้า ครอบครองอย่างต่อเนื่อง ( Continuous )
นอกจากนั้น ต้องมีเจตนาประกอบด้วย คือ คิดดีหรือคิดเลว คือไปครอบครองโดยไม่รู้ว่ามีเจ้าของ ไม่ได้ตั้งใจจะยึด หรือตั้งใจจะไปเอาของเขาด้วยการครอบครองปรปักษ์ ( Good Faith or Bad Faith ) จ่ายภาษี ที่ดิน อสังหาหรือเปล่า เป็นของคนอื่นแต่ไปจ่ายภาษีให้ ( Paying Taxes )
กฎหมายไทย มีอยู่ในประมวลแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1382 “ บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสุจริต โดยความสงบและโดย เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็น สังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์ ”
หลักกฎหมายไทยก็เหมือนของสากล ข้อสังเกตุ คือ เจ้าของเดิมสามารถ ฟ้องเอาคืนได้ ภายในหนึ่งปี หลังจากทราบเหตุ ตามมาตรา 1375
มาตรา ๑๓๗๕ ถ้าผู้ครอบครองถูกแย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซึ่งการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเหนือทรัพย์สินดีกว่าซึ่งจะเป็นเหตุให้เรียกคืนจากผู้ครอบครองได้ การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ท่านว่าต้องฟ้องภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
ดังการครอบครองปรปักษ์ไม่สามารถทำกันได้ง่ายครับ อย่าไปหวังครอบครองของที่ไม่ใช่ของตัวเองครับ