หน้าเว็บ

เกร็ดความรู้ เรื่องเครื่องปรับอากาศ รู้ไว้แอร์เย็น ใจก็เย็น


เพราะเมืองไทยเป็น “เมืองร้อน” ยิ่งเข้าเดือนมีนาคม เมษายน หน้าร้อนยิ่งทำให้ร้อนปรอทแตก  ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาในหาเรื่องความร้อนสำหรับคนเมือง คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นการใช้ “เครื่องปรับอากาศ” หรือ “แอร์”

 เครื่องปรับอากาศนั้น มีหลักการทั่วๆไปคือการนำอากาศร้อนจากที่หนึ่ง ไปถ่ายออกอีกที่หนึ่ง โดยผ่านกระบวนการทำให้อากาศ นั้นเย็นโดยการพ่นอากาศ หรือลม ผ่านการใช้น้ำเย็น  หรือถ้าเป็นในเครื่องปรับอากาศภายในบ้านนั้นก็ใช้น้ำยากทำความเย็น หรือที่เรา เรียกกันติดปากว่าน้ำยาแอร์นั่นเอง

ซึ่งในกระบวนการเปลี่ยนอากาศร้อน เป็นอากาศเย็นนั้น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการใช้พลังงานไฟฟ้า  ซึ่งถ้าเรายิ่งใช้เครื่องปรับอากาศมาก เช่นใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือปรับอุณหภูมิให้แย็นมากๆ ก็จะยิ่งใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และทำให้ค่าไฟในช่วงฤดูร้อนนั้นพุ่งขึ้นสูงมากทีเดียว ดังนั้น การเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศเบื้องต้น จะให้ให้เราสามารถ เย็นสบาย และก็ยังสบายกระเป๋าได้ด้วย

เริ่มแรก เลยเราต้องทำความรู้จักชนิดของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ภายในบ้านเสียก่อน เครื่องปรับอากาศถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบการปรับการทำงานของมอเตอร์อัตโนมัติ ทำให้มอเตอร์ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา และติดๆดับๆ  ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นสม่ำเสมอแล้ว เรื่องค่าไฟก็จะประหยัดลงมาก ระบบนี้มีชื่อเรียกว่า อินเวอร์เตอร์ ซึ่งราคาในปัจจุบันก็ลดลงมามากแล้ว โดยทั่วไปแอร์ภายในบ้านมีอายุใช้งานราว 15 ปี ดังนั้นหากแอร์มีอายุการใช้งานมาก ก็อาจพิจารณาเปลี่ยนมาใช้รุ่นที่ใหม่กว่า เพื่อประหยัดค่าไฟและค่าบำรุงรักษาได้


เรื่องต่อไปคือเรื่องการทำความสะอาดเครื่องปรับการอากาศ โดยทั่วไป ถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้ภายในบ้าน ควรมีการล้างทำความสะอาด ปีละอย่างน้อยหนึ่งครั้ง หากเป็นสำนักงานที่มีการใช้งานอย่างหนักอาจต้องทำการล้างแอร์ บ่อยกว่านี้   ทั้งนี้การที่เครื่องปรับอากาศมีความสะอาดนั้น เครื่องจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขึ้น  โดยทั่วไป การล้างทำความสะอาดแอร์นั้น ไม่สามารถทำได้เอง ต้องให้ช่างผู้ชำนาญมาเป็นผู้ดำเนินการ โดยทั่วไปนั้นมักจะมากันครั้งละสองคน ค่าบริการตกอยู่ที่ราว 500 ถึง1000 บาท ไม่รวมค่า น้ำยาแอร์  (ราคาปีที่เขียน) เหตุที่บอกเรื่องราคาค่าบริการเอาไว้ ก็เพราะว่าถ้าช่างที่มาให้บริการทำความสะอาดเครื่องทำความสะอาดในบ้านเรานั้น เขาคิดราคาถูกเกินไป ก็เป็นไปได้ว่า ช่างเขาจะให้เราเติมน้ำยาแอร์ หรือคิดค่าบริการเสริมอย่างอื่นก็เป็นได้

ส่วนเรื่องการเติมน้ำยาแอร์นั้น ก็เป็นเรื่องที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้ง่าย  การที่เครื่องปรับอากาศในบ้านเราจะเย็นหรือไม่นั้น ไม่ขึ้นกับน้ำยาแอร์เสมอไป  เรามักเข้าใจว่าที่เครื่องปรับอากาศไม่เย็นนั้น เป็นเพราะน้ำยาแอร์หมด  แต่ในความเป็นจริง ปัญหาความไม่เย็นของเครื่องปรับอากาศนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ  เช่น พื้นที่ของห้องนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป กว่าขนาดของเครื่องปรับอากาศ  หรือห้องที่ขนาดเดียวกัน ถ้าอยู่ในทิศทางที่โดนแสงอาทิตย์ หรือโดนความร้อนเยอะ ก็อาจมีผลกับการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศก็เป็นได้    อีกประการที่ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่เย็น ก็คือเครื่องปรับอากาศนั้นมีความสกปรก ซึ่งก็แก้ไขได้ด้วยการล้าง ดังที่ได้แนะนำไปเบื้องต้นแล้ว

น้ำยาแอร์นั้น สามารถอยู่ในระบบของเครื่องปรับอากาศได้นานเป็นสิบปีโดยไม่ระเหยไปหมด ถ้าระบบนั้นไม่มีการรั่ว  ดังนั้นการที่น้ำยาแอร์ของเครื่องปรับอากาศเราหมด อาจเกิดได้จาก ระบบเครื่องปรับอากาศของเรานั้น มีการรั่วไหลตรงจุดใดจุดหนึ่ง โดยที่ก่อนเติมน้ำยาแอร์ช่างจะนำเครื่องวัดความดัน น้ำยาแอร์ ซึ่งโดยทั่วไปจะวัดแรงดันน้ำยาแอร์ได้ คล้ายๆกับการวัดความดันของลมในยางรถยนต์  โดยความดันของน้ำยาแอร์ที่วัดได้นั้น จะมีความดันต่างๆกัน ตามชนิดของน้ำยาแอร์ที่ใช้ ซึ่งต้องดูคำแนะนำของผู้ผลิตแอร์ ที่ระบุไว้ในคู่มือ

ซึ่งถ้าแรงดันไม่ต่ำเกินค่าปกติก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเติมน้ำยาแอร์

หากมีความจำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็น ช่างจะทำการหารอยรั่วของระบบเสียก่อน แล้วจึงเติมน้ำยาแอร์ เพราะมิเช่นนั้นน้ำยาแอร์อยู่ในระบบเครื่องปรับอากาศของเราได้ไม่นาน ก็จะรั่วออกไปหมดอีก ทำให้ต้องเสียเงินเติมใหม่กันบ่อยๆ

การดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้แอร์ ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เย็นและสะอาดสม่ำเสมอ การเติมน้ำยาแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศที่เราใช้กันอยู่นั้น ถ้ามีการติดตั้งอย่างถูกวิธี ท่อแอร์ไม่ร่องรอยผุ-พัง-รั่ว เราก็ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำ เพราะโดยปกติจะต้องใช้เวลานานกว่าสารทำความเย็นจะระเหยไปหมด
ส่วนเทคนิคการประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศ อีกอย่างนอกจากการล้างเครื่องปรับอากาศ และเลือกใช้ขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้องแล้วก็คือ การเลือกการปรับอุณหภูมิของห้องให้เหมาะสม โดยหลักการทั่วๆไปก็คือ ยิ่งถ้าปรับอุณหภูมิไว้สูง ก็จะประหยัดพลังงานค่าไฟได้มากกว่า  กล่าวคือ ปรับแอร์ที่อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส ก็ย่อมประหยัดไฟกว่าการปรับตั้งอุณภูมิแอร์ ที่ 24 องศาเซลเซียส  หรือการปรับแอร์ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ก็ย่อมประหยัดไฟกว่าการปรับอุณหภูมิแอร์ที่ 26 องศาเซลเซียสเป็นต้น  ดังนั้นควรปรับอุณหภูมิให้แค่เหมาะสมตามที่ต้องการใช้จริงๆ ไม่ควรเปิดแอร์เย็นเกินไป

ภาพจาก Touch air service 


เรื่องสุดท้ายสำหรับการใช้เครื่องปรับอากาศที่มักสงสัยกันบ่อยก็คือ สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ทั้งวันทั้งคืนได้หรือไม่  คำตอบก็คือ สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ทั้งวันทั้งคืนได้ โดยที่เครื่องปรับอากาศไม่พัง เพียงแต่จะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานจำนวนมาก  และมีส่วนทำให้โลกร้อนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม  ทางอ้อมก็คือ เครื่องปรับอากาศต้องใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งไฟฟ้าผลิตมาจากพลังงานฟอสซิล ที่ผลิตก๊าซคาร์บอนทำให้โลกร้อน  ส่วนทางตรงก็คือ การใช้เครื่องปรับอากาศ คือการเอาความร้อนจากภายในบ้านเรา ไปพ่นออกสู่บรรยากาศข้างนอก ผ่านทางคอมเพรซเซอร์ของเครื่องปรับอากาศของท่านที่ติดตั้งอยู่ที่นอกบ้านของท่าน  ถ้าไม่เชื่อท่านลองไปยืนให้พัดลมเครื่องปรับอากาศที่อยู่ภายนอกบ้านท่านเป่า ท่านจะพบว่าบริเวณนั้นมันร้อนมากทีเดียว   ดังนั้นการลดใช้เครื่องปรับอากาศช่วยลดโลกร้อน ไม่ทำให้เพื่อนบ้านท่านได้รับอากาศร้อน และยังประหยัดเงินได้มากทีเดียว ดังนั้นใช้เครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็นครับ


พงศ์ธร ธาราไชย
โปรเจคแพลนนิ่งเซอร์วิสจำกัดมหาชน  PPSGROUP
โครงการวิศวกรสีขาว  เพื่อสังคมของวิศวกรที่ดี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น