ภาษีรถยนต์ปี 2559 เป็นอัตราภาษีสรรพสามิตที่จะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 นั้น เป็นอัตราภาษีที่คิดภาษีโดยคำนวณจากอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของรถรุ่นนั้นๆ
ซึ่งแต่เดิม การเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตรของรถยนต์นั้น จะคำนวณจากขนาดของความจุกระบอกสูบ เป็นหลัก มาถึงยุคที่มีการส่งเสริมให้ใช้น้ำมันพลังงานทางเลือก ประเภทแก๊ซโซฮอล์ E10 E20 E85 หรือ พวกดีเซลผสมน้ำมันไบโอดีเซล ก็มีการเก็บภาษีสรรพสามิตร ในรถยนต์ที่นั่งที่สามารถใช้น้ำมันประเภทเหล่านี้ได้ ในอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ไม่สามารถใช้น้ำมัน ที่ใช้น้ำมันพลังงานทางเลือก
ส่วนอัตราภาษีสรรพสามิตรที่จะใช้จัดเก็บกับรถยนต์ในปีหน้านั้น มีส่วนที่เรียกได้ว่า เพิ่มเติมจากแนวการเก็บอัตราสรรพสามิตรเดิม คือภาษีที่คิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแนวคิดการเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เป็นการสะท้อนต้นทุนทางสังคม ของการใช้รถยนต์ประเภทนั้นๆ หรือกล่าวคือ ถ้าจะขับรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามาก ก็ต้องยอมจ่ายภาษีแพงอย่างนั้นนั่นเอง
ภาษีสรรพสามิตรนี้ จะเก็บจากบริษัทรถยนต์โดยตรง ไม่ได้เก็บจากผู้ใช้รถยนต์หลังจากที่ซื้อรถยนต์นั้นไปแล้ว และจะเก็บกับเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์โดยสารที่ไม่เกินสิบที่นั่ง รถกระบะ และอนุพันธ์ของรถกระบะ ซึ่งหมายถึงรถกระบะประเภทดัดแปลง หรือ ppv นั่นเอง
โดยโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรใหม่ของรถยนต์นี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับประเภทรถหรูที่มี กระบอกสูบมากกว่า 3000 ซีซี เพราะแต่เดิมก็เก็บภาษีอยู่ในระดับ 50% ที่สูงอยู่แล้ว และรถเหล่านี้ก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ออกมามากด้วย จึงเก็บภาษีเท่าเดิมต่อไป ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ที่ มีกระบอกสูบต่ำกว่านั้น ก็เก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
รถยนต์ประเภทที่จะมีผลกระทบด้านราคาจากการปรับภาษีสรรพสามิตรใหม่นี้ ที่ต้องปรับเพิ่มขึ้น ก็ได้แก่รถยนต์ประเภท PPV , Space cap , Pick up เป็นต้น ส่วนรถยนต์ที่จะได้ลดภาษีสรรพสามิตรลง ก็ได้แก่รถยนต์อีโคคาร์ ที่มี ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ที่จะลดอัตราภาษีลงจาก 17% เดิม เป็น 14% ซึ่งจะตรงกับหลักการของ อีโคคาร์เฟสสองของประเทศไทย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น