โดย ประสงค์ ธาราไชย
องค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีให้เป็น “วันงดสูบบุหรี่โลก” ประเทศไทยก็ได้เป็นสมาชิกขององค์การนี้ด้วยและได้เข้าร่วมในโครงการรณรงค์ให้ประชาชนงดสูบบุหรี่เช่นเดียวกัน ในปีพ.ศ.2542 สมาคมหรือชมรมผู้ต่อต้านการสูบบุหรี่แห่งประเทศไทย หรือชื่ออะไรทำนองนี้ ผมต้องขออภัยที่จำชื่อไม่ได้... ได้จัดงานรณรงค์งดสูบบุหรี่ขึ้นที่ลาน SCB PARK PLAZA ถนนรัชโยธิน จัดว่าเป็นงานที่ใหญ่โตมาก มีท่านผู้มีเกียรติมาร่วมงานมากมาย รวมทั้งดารา นักร้อง และนักแสดงต่าง ๆ ด้วย โดยสมาคมฯ ได้เชิญคุณพยงค์ มุกดา ครูเพลงอาวุโสผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ให้เป็นประธานในพิธี ในการเปิดงานนั้น ฝ่ายจัดงานได้วางแผนกันไว้ว่า ให้มีการจำลองบุหรี่ขนาดใหญ่ไว้หน้าเวที เมื่อถึงเวลาเปิดงานให้ประธานใช้ดาบฟันลงไปที่แท่งบุหรี่จำลองนี้ เมื่อแท่งบุหรี่ขาด ลูกโป่งหลากสีที่บรรจุอยู่ภายในมวนบุหรี่จำลองนี้ก็จะพากันลอยขึ้นท้องฟ้าไปอย่างสวยงาม
สำหรับโครงสร้างของบุหรี่ยักษ์ความยาวประมาณ 7 เมตรนี้ เป็นโครงเหล็ก ซึ่งภายในบรรจุลูกโป่งสวรรค์หลากสีไว้อย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น ส่วนภายนอกก็หุ้มด้วยวัสดุที่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกระดาษหรือผ้าที่มีสีสันเหมือนกระดาษบุหรี่ เมื่อถึงเวลาเปิดงาน ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น คือ หลังจากที่ประธานกล่าวเปิดงานและทำพิธีประหารบุหรี่โดยใช้ดาบฟันลงบนแท่งบุหรี่ยักษ์ เพื่อตัดมวนบุหรี่ให้ขาดออกจากกัน ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่มวนบุหรี่ และเกิดไฟลุกพรึบขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ร่วมงานที่อยู่ใกล้ชิดที่เกิดเหตุต้องประสบอันตรายจากการถูกไฟลวก มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ความใกล้ชิดกับเหตุการณ์ ซึ่งผู้โชคร้ายหลายท่านก็เป็นดารานักแสดง อาทิ คุณทัดทรวง มณีจันทร์ คุณสมบัติ เมทะนี เป็นต้น แต่ผู้ที่โชคร้ายมากที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกินคุณพยงค์ มุกดา ท่านประธานในพิธี เพราะท่านเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์มากที่สุด เนื่องจากเป็นผู้ลงมือตัดแท่งบุหรี่ด้วยตนเอง ตามข่าวว่า...ท่านได้รับอันตรายถูกไฟลวกที่บริเวณใบหน้าและลำตัว แต่เดชะบุญที่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต
เหตุที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะไม่มีผู้ใดคาดไปถึงว่า การที่นำเอาดาบที่ทำด้วยเหล็ก เมื่อมีการเสียดสีกับโครงเหล็กของแท่งบุหรี่ เพื่อที่จะตัดให้มวนบุหรี่ขาดออกจากกัน จะทำให้เกิดประกายไฟขึ้น และเมื่อเกิดประกายไฟแล้ว แก๊สที่อัดแน่นอยู่ในลูกโป่งสวรรค์หลากสีนั่นแหละ ได้กลายเป็นเชื้อเพลิงได้อย่างดี ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นและไฟได้ลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว...
เรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับการเปิดงานประเภทนี้ต่อไปอีกนาน... หลายคนคงไม่ทราบว่าแก๊สที่บรรจุอยู่ในลูกโป่งสวรรค์นั้นอันตรายมาก เจ้าแก๊สนี้มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งมีความเบากว่าอากาศ จึงสามารถทำให้ลูกโป่งลอยได้ แต่ก็มีผลเสียคือ เป็นแก๊สที่ไวไฟมากเช่นกัน ในสมัย ก่อนเมื่อเวลามีงานรื่นเริงต่างๆ ก็มักจะมีการประดับประดาบริเวณงานให้สวยงามด้วยลูกโป่งสวรรค์หลากสีเหล่านี้ ซึ่งบางครั้งอาจะมีคนมือบอนแขวนเศษกระดาษไว้กับเชือกผูกลูกโป่ง แล้วปล่องให้ลูกโป่งลอยขึ้นไปพร้อมกับจุดไฟที่กระดาษ เมื่อไฟจากกระดาษลามไปถึงตัวลูกโป่ง ก็จะทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ทำให้
มีเสียงดัง เป็นการสร้างความครึกครื้นสนุกสนาน ซึ่งการเล่นแบบนี้เป็นอันตรายมาก ดังนั้นในโรงแรมหลาย ๆ แห่ง เมื่อมีการจัดงาน เขาจะขอร้องแกมบังคับไว้เลยว่า ไม่ให้มีการใช้ลูกโป่งอัดแก๊สประเภทนี้ไว้ในงานอย่างเด็ดขาด... แต่ในปัจจุบันบางแห่งมีการนำแก๊สฮีเลียมมาบรรจุในลูกโป่งแทนแก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเจ้าแก๊สฮีเลี่ยมนี้มีคุณสมบัติที่ไม่ติดไฟแต่ก็มีราคาแพงมาก จึงไม่เป็นที่นิยมใช้แพร่หลายเหมือนลูกโป่งที่บรรจุด้วยแก๊สไฮโดรเจน
มีเสียงดัง เป็นการสร้างความครึกครื้นสนุกสนาน ซึ่งการเล่นแบบนี้เป็นอันตรายมาก ดังนั้นในโรงแรมหลาย ๆ แห่ง เมื่อมีการจัดงาน เขาจะขอร้องแกมบังคับไว้เลยว่า ไม่ให้มีการใช้ลูกโป่งอัดแก๊สประเภทนี้ไว้ในงานอย่างเด็ดขาด... แต่ในปัจจุบันบางแห่งมีการนำแก๊สฮีเลียมมาบรรจุในลูกโป่งแทนแก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเจ้าแก๊สฮีเลี่ยมนี้มีคุณสมบัติที่ไม่ติดไฟแต่ก็มีราคาแพงมาก จึงไม่เป็นที่นิยมใช้แพร่หลายเหมือนลูกโป่งที่บรรจุด้วยแก๊สไฮโดรเจน
ในงานบางประเภทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปิดป้ายชื่ออาคารหรือสถานที่ต่างๆก็มักจะนิยมใช้ลูกโป่งสวรรค์จำนวนมากผูกติดไว้กับผ้าแพรที่คลุมป้ายชื่ออาคารหรือสถานที่นั้น ๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการต่อไฟฟ้าชั่วคราวจากปุ่มที่แท่นทำพิธี โยงไปถึงป้ายชื่อนั้น เมื่อถึงพิธีเปิดป้ายอาคาร ก็จะมีการกดปุ่มไฟฟ้า เพื่อให้แพรที่คลุมป้ายนั้นค่อย ๆ แยกตัวออกอย่างช้า ๆ เมื่อแพรเปิดป้ายหมดก็จะถูกลูกโป่งสวรรค์ที่ผูกอยู่ ดึงให้ลอยขึ้นฟ้าไปอย่างงามสง่าและสวยงาม แต่วิธีนี้ก็ไม่สามารถรับรองผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ผมเองเคยเห็นงานเปิดป้ายชื่อบริษัทบางแห่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลากดปุ่มไฟฟ้าที่ว่านี้ กลับทำให้เกิดประกายไฟ ซึ่งทำให้เจ้าแก๊สโฮโดรเจนที่บรรจุอยู่ในลูกโป่งระเบิดตูมขึ้น กลายเป็นตัวการทำให้ไฟไหม้ป้ายชื่อบริษัทไหม้เรียบไปเลย ถือว่าเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่งทีเดียว....เพราะไหนจะต้องทำให้บริษัทต้องเสียเงินทำป้ายชื่อใหม่แล้ว ยังทำให้เจ้าของบริษัทและพนักงานต้องขวัญเสียไปอีกนานเลยครับ..
หลังจากที่ผมได้พบเหตุการณ์เช่นว่านี้หลายครั้ง เมื่อถึงคราวเปิดป้ายอาคารของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ที่ถนนสีลม ผมได้แนะนำให้ใช้คนเป็นผู้ปล่อยลูกโป่งแทนการใช้กระแสไฟฟ้า โดยจัดให้พนักงานที่ทำหน้าที่ปล่อยลูกโป่งและแพรคลุมป้ายชื่ออาคารไปแอบซ่อนตัวไว้ เพื่อให้ดูสมจริง ส่วนการกดปุ่ม ก็เป็นเพียงการให้สัญญาณเสียงออด เพื่อให้พนักงานพวกนี้ทำหน้าที่ของตนอย่างพร้อมเพรียงกันเท่านั้น วิธีนี้ก็ดูไฮเทคดี แล้วยังปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย... วิธีที่ว่านี้ได้นำมาประยุกต์ใช้ในการเปิดแพรคลุมป้ายอาคารสูงที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ที่พอเอ่ยชื่อใคร ๆ ก็รู้จัก แต่อย่าบอกดีกว่านะครับ...เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา...